นอกเหนือจากการเลือกสิ่งของในชีวิตประจำวันของเราที่ดูจะยุ่งเหยิงเมื่อมีตัวเลือกมากๆ แล้ว การเลือกสำคัญๆ ในเส้นทางชีวิตของเรา เช่น คณะที่จะเรียน อาชีพ ธุรกิจ ที่เลือกทำ ไปจนถึง คู่เดท การแต่งงาน เมือตัดสินใจเลือกแล้ว เรายังมีอาการ "เผื่อเลือก" อีกด้วย ถ้าเราไม่โกหกตัวเอง คนเราพยายามแง้มประตูแห่งโอกาสไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรายังเปิดทางเลือกอืนๆ เก็บไว้ เผื่อว่าถ้าทางที่เราเลือกนั้นไม่ดีพอ เราจะได้กลับไปเลือกทางเลือกอื่นๆ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เกิดความเสียหายมากมาย แทนที่จะทุ่มเท ใช้ความพยายามและทรัพยากรไปกับทางเลือกที่ได้เลือกไปแล้ว เช่นเราอาจเสียเวลาเป็นปีๆ เรียนหลายๆ วิชาที่เราไม่ชอบ แต่ลงเรียนเพราะเผื่อเลือก ทำงานในสายงานที่เราไม่ชอบ ไม่ยอมตัดใจจากแฟนเก่า จนความสัมพันธ์เป็นการจับปลาสองมือ ที่ในที่สุดความสัมพันธ์ก็ไปไม่รอด ซึ่งหลายครั้งอาจเกิดจากเราไม่พยายามมากพอ เพราะคิดว่าเรายังมีทางเลือกอื่นๆ การจับปลาหลายๆ มือเหล่านี้ ล้วนแต่สิ้นเปลืองทรัพยากรและเวลา ดูจะไม่มีเหตุผลในทางเศรษฐศาสตร์เอาซะเลย แล้วทำไมมนุษย์ผู้มีเหตุผลอย่างเราๆ ถึงไม่ตัดใจลงมือทำอย่างมุ่งมั่นไปซักทางละ
|
ภาพประกอบจาก internet |
นักวิจัยก็มีคำถามเหล่านี้เช่นกัน การทดสอบที่ทำในกลุ่มตัวอย่างพบว่า มนุษย์เรามีพฤติกรรมของการเผื่อเลือก เราพยายามเก็บทางเลือกไว้ให้ได้มากที่สุด ถึงแม้เราจะรู้ดีว่า การมีทางเผื่อเลือก ทำให้เราไม่ทุ่มเทความพยายามในแต่ะละเส้นทางที่เราเลือก เพราะต่องแบ่งปันทรัพยากร ไม่ว่าเวลา เงินทอง กำลังกายและใจไปกับทางเลือกอื่นๆ ที่เรายึดถือไว้ กลุ่มตัวอย่างยุ่งอยู่กับความพยายามไม่ให้ทางเลือกอื่นๆ หมดไป เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนกับการที่ผู้ชายคนหนึ่ง พยายามจีบผู้หญิงหลายๆ คนพร้อมกัน ถึงแม้จะคบกับคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ก็ยังพยายามสานสัมพันธ์กับคนอื่นๆ อยู่เรื่อยๆ ทำให้ทรัพยากรถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองนั่นเอง (แต่การทดลองจริงๆ ใช้วิธีเล่นเกมส์ แค่เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ) จากทดลองพบว่า คนเรามักจะทนไม่ได้ที่จะสูญเสียโอกาสในทางเลือกต่างๆ นั่นเอง ผลการทดลองก็น่าจะเดาได้นะครับ การเผื่อเลือก มักให้ผลลัพธ์ที่แย่กว่าการมุ่งมั่นในเส้นทางที่เราเลือกอย่างชัดเจน คงเหมือนกับหลายๆ คนที่พยายามไล่ตามความฝัน โดยที่ไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้ว่า ในบรรดาความฝันเหล่านั้น สิ่งที่สำคัญจริงๆ คืออะไรกันแน่ ทำให้เราพยายามทำในทุกๆ เรื่อง จนเหน็ดเหนื่อย และท้อถอยในที่สุด แน่ละประตูแห่งโอกาสบางบานอาจจะปิดได้ยากกว่าบานอื่่นๆ โดยเฉพาะถ้ามันเกี่ยวข้องกับความฝันของเรา หรือความสัมพันธ์ในอดีตที่น่าโหยหา แต่ถ้าเราไม่ตัดใจปิดมัน เราก็ไม่อาจทุ่มเทความพยายามเดินไปตามเส้นทางที่เราเลือกแล้วได้
การแต่งงานก็เป็นเครื่องมือทางสังคมแบบหนึ่งที่บังคับให้คนทั้งคู่ปิดประตูทางเลือกอื่นๆ ที่เกิดจากโอกาสที่จะพบเจอคนใหม่ๆ คู่ไหนที่คบกันมานานๆ ให้ลองถามตัวเองและคนข้างๆ คุณดูนะครับ ว่ายังเปิดโอกาสกันไว้ทำไม ไม่แน่นะ ถ้าคุณเลือกที่จะปิดประตูบานอื่นๆลง คุณอาจจะมีข่าวดีในไม่ช้าก็ได้ ถึงเวลานั้น อย่าลืมเชิญผมด้วยนะ
No comments: