"When I go to Silicon Valley…they all want to eat our lunch.” เป็นประโยคที่ CEO ของ JPMorgan Chase กล่าวในงาน U.S. bank's investor day เมื่อต้นปี 2014 ซึ่งถือเป็นคำเตือนอย่างเป็นทางการต่อเหล่านักการธนาคาร ที่เกรงว่า FinTech จะเข้ามากินส่วนแบ่งทางธุรกิจของธนาคารแบบเดิมๆ การเติบโตอย่างรวดเร็วของ FinTech นอกเหนือจากเหตุผลด้านพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนั้น ผู้เขียนได้สรุปไว้อย่างสนใจดังต่อไปนี้
- มาตราฐานการให้บริการที่เปลี่ยนไปในแต่ละธุรกิจ ในธุรกิจบริการนั้น ลูกค้ามักจะเปรียบเทียบประสบการณ์ที่ตนได้รับ (customer experience) จากผู้ประกอบรายต่างๆ ยิ่งกว่านั้น ในปัจจุบันลูกค้าไม่ได้เปรียบเทียบเฉพาะในธุรกิจการธนาคารด้วยกัน แต่จะเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ เช่น ค้าปลีก โทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเตอร์เนท ทั้งในแง่ความสะดวกสบาย คุณภาพของสินค้าและบริการ การลดความยุ่งยากและซับซ้อนจึงเป็นส่วนสำคัญ ธนาคารไม่สามารถอ้างได้อีกต่อไปว่า ความยุ่งยากดังกล่าวเกิดจาก ข้อบังคับของหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ หรือความจำเป็นของธนาคารเองในแง่กฏหมาย
- ค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นมาตลอดในรอบหลายปี โดยในสหรัฐฯ จะมีตัวเลขค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม้ของบัญชี checking account ซึ่งเป็นบัญชีพื้นฐานสำหรับทำธุรกรรมต่างๆ แทนการใช้เงินสด และเพิ่มอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะเข้าสู่ยุคดิจิตอลแล้ว
- การเปลี่ยนแปลงของ ช่องทางการโฆษณา การตลาด หรือพูดง่ายๆ คือ รูปแบบการสื่อสารระหว่างผู้บริโภคและผู้ให้บริการเปลี่ยนไป การโฆษณาในช่องทางเดิม เช่นไปรษณีย์ สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ มีประสิทธิภาพน้อยลง ในขณะที่ช่องทางใหม่ และแนวทางในการทำการตลาดแบบใหม่ๆ มีเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคในยุคถัดไปจะมีภูมิคุ้มกันจากอิทธิพลของโฆษณามากขึ้น ลูกค้าพึ่งพาความเห็นจากคนแปลกหน้าใน social media ต่างๆ มากกว่าจะฟังคำโฆษณาสวยหรูจากผู้ประกอบการ
- การกระจายสินค้าและบริการมีค่าใช้จ่ายต่ำลงมากในโลกยุคดิจิตอล เช่น นิตยสาร หนังสือ เพลง ภาพยนต์ ปัจจุบันลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินไปร้านเพื่อซื้อหนังสือหรือ CD เพลงอีกต่อไป เช่นเดียวกับการใช้บริการทางการเงิน ที่สามารถ download application เพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ทางการเงิน บนมือถือได้
- ตัวเลขการใช้บริการและรายได้จากช่องทางสาขาลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยหลายธนาคารให้บริการเปิดบัญชีแบบ online ส่วนการให้บริการนั้นสามารถทำผ่าน ช่องทางอิเล็กโทรนิคต่างๆ ได้อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ลูกค้าต้องเดินไปสาขาเพื่อใช้บริการ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าช่องทางสาขาจะหมดไป เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการเท่านั้น
- รูปแบบการคิดค่าใช้จ่ายของสินค้าและบริการเปลี่ยนไป ต้นทุนบางอย่างต่ำลง ลูกค้าเองก็ไม่อยากเสียค่าบริการ (fee) ในรูปแบบต่างๆ ทำให้รูปแบบของรายได้ (revenue model) เปลี่ยนไป และด้วยต้นทุนที่ต่ำลงมากใน ทำให้ผู้เล่นบางรายสามารถทำกำไรจากลูกค้ากลุ่มที่ธนาคารตามปกติจัดว่าเป็น กลุ่มลูกค้า"ไม่ก่อผลกำไร"ได้
จุดเริ่มต้นของผู้บุกเบิกในสาย FinTech จึงมักเริ่มจากแนวคิดที่ว่า ระบบ(การเงินการธนาคาร)ในปัจจุบัน มีข้อบกพร่องมากมาย ไม่เข้ากับยุคสมัย และจำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง นี่เป็นแนวคิดหลักที่ พลักดันให้เกิดการคิดค้นใหม่ๆ สร้างสิ่งที่ดีกว่าเดิม
2.0 Rise of FinTech 2
Reviewed by aphidet
on
9:38 PM
Rating:
No comments: